6 สิ่งที่ต้องระบุให้ชัดเจนเมื่อทำสัญญาสร้างบ้าน จะได้ไม่ทุกข์ใจในภายหลัง
1. แบบก่อสร้าง
ความสำคัญของแบบก่อสร้าง หรือแบบบ้านนั้น ก็เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้ก่อสร้าง ควรระบุรายละเอียดแบบบ้านให้ชัดเจนและเข้าใจได้โดยง่าย และมีทั้งแบบภาพจำลองสร้างจริง หรือภาพ 3D ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องรายละเอียดฟังก์ชันการใช้งาน จะได้ไม่เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตจากบ้านที่สร้างจริงแต่ไม่ตรงกับแบบแปลน
2. ขอบเขตการทำงาน
ระบุให้ชัดเจนว่าเจ้าของบ้านต้องการให้ช่างงานทำอะไรบ้าง ทั้งในเรื่องของพื้นที่การทำงานและกระบวนการการทำงาน เช่น หากต้องการสร้างบ้านชั้นเดียวขนาดสองห้องนอน ต้องระบุให้ชัดเจนว่าสร้างบ้านขนาดกี่ตารางเมตร ต้องการทำเฉพาะโครงสร้างบ้าน หรือรับเหมาสร้างจนเสร็จสมบูรณ์แบบพร้อมอยู่ ฯลฯ เพื่อให้ช่างไม่ต้องทำงานเกินจากที่กำหนดไว้ ป้องกันปัญหางบประมาณที่อาจบานปลาย
3. ระยะเวลาก่อสร้าง
การกำหนดระยะเวลาก่อสร้างในใบสัญญา จะช่วยให้เรามั่นใจว่าจะได้บ้านตามวันที่เราต้องการ ซึ่งควรจะระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะก่อสร้างให้เสร็จภายในระยะเวลาเท่าไหร่หรือเสร็จวันไหน (ควรระบุเป็นวันที่ชัดเจน) และ ควรระบุเงื่อนไขปรับลดค่าจ้างในกรณีที่งานเสร็จล่าช้า อาจจะปรับเป็นเปอร์เซ็นต์หรือเป็นจำนวนที่เหมาะสมตามจำนวนวันที่เลยกำหนด
4. รายละเอียด BOQ
BOQ หรือ Bill of Quantities คือ คือบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและแรงงานที่จะใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการแยกประเภทของวัสดุก่อสร้าง พร้อมระบุจำนวนหน่วยของวัสดุอย่างชัดเจน และระบุราคาค่าแรงของช่างไว้ต่างหากด้วย หากมี BOQ ที่ชัดเจน จะช่วยให้เราควบคุมงบประมาณก่อสร้างได้ง่ายขึ้น
5. งวดการแบ่งจ่ายค่าจ้าง
การแบ่งจ่ายเงินค่าจ้าง ควรแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ พร้อมระบุรายละเอียดส่วนงานของงวดนั้นๆ ไว้ด้วย เช่น งวดแรกจ่าย 10% จากราคาบ้านทั้งหมด เพื่อเป็นวัสดุอุปกรณ์, งวดที่สองให้ 10% จากราคาบ้านทั้งหมด สำหรับงานวางผังหรือเสาเข็ม ฯลฯ การกำหนดการจ่ายค่าจ้างเป็นงวดๆ จะช่วยลดความเสี่ยงสำหรับช่างที่อาจจะฉ้อโกงได้ เพราะหากได้เงินก้อนใหญ่ไปในทีเดียว อาจทำให้ช่างทิ้งงานและหนีหายไปเลย หรือหากช่างงานไม่มีฝีมือ เราก็สามารถจ้างช่างชุดใหม่ให้เข้ามาสานงานต่อไปโดยที่เงินทั้งหมดไม่หายไปทีเดียว
6. การรับประกันความเสียหาย และระยะเวลาประกันงาน
ตามกฎหมายแล้ว เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้จะซื้อแล้วผู้จะขายต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือชำรุดของอาคาร ซึ่งก็คือกฎหมาย การรับประกันความเสียหาย นั่นเอง และเมื่อมีเหตุชำรุดบกพร่องหรือเสียหายเกิดขึ้นกับบ้านที่ซื้อโดยที่เจ้าของบ้านไปตรวจเจอทีหลัง ก็สามารถนำกฎหมายข้อนี้ไปเรียกร้องกับผู้ขายได้ เพื่อรักษาสิทธิในฐานะผู้ซื้อ